คณะ พร้อมกัน ณ สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ ประตูทางเข้า 9-10 โดยมีเจ้าหน้าที่ของบริษัทฯ คอยต้อนรับและอำนวยความสะดวกด้านสัมภาระและเอกสารการเดินทาง

เหินฟ้าสู่ นครอิสตันบูล โดยเที่ยวบินที่ TK69 เพลิดเพลินกับภาพยนตร์หลากหลายกับจอทีวีส่วนตัวทุกที่นั่ง และสายการบินฯ บริการอาหารกลางค่ำและอาหารเช้าระหว่างเที่ยวบินสู่ นครอิสตันบูล ประเทศทูร์เคีย (ชื่อเดิมตุรกี)

เดินทางถึง กรุงอิสตันบูล แวะพักเปลี่ยนเครื่องเพื่อต่อเครื่องไปยังกาซิแอนเทป

ออกเดินทางสู่ เมืองกาซิแอนเทป โดยเที่ยวบิน TK22204

ถึงสนามบินเมือง กาซิแอนเทป (Gaziantep) ตรวจรับสัมภาระเรียบร้อยให้เรียบร้อย

จากนั้นนำท่านเดินทางเข้าสู่ ตัวเมือง กาซิแอนเทป ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่เก่าแก่ที่สุดในโลก เป็นศูนย์กลางของระบบเศรษฐกิจของภาคตะวันออกเฉียงใต้และภาคตะวันออกของทูร์เคีย และเป็นแหล่งผลิตถั่วพิตาชิโอได้มากที่สุดในทูร์เคีย

นำท่านเข้าชม พิพิธภัณฑ์ซุกมา โมเสก (Zeugma Mosaic Museum) พิพิธภัณฑ์โมเสกที่ใหญ่ที่สุดในโลกโลก บนเนื้อที่พิพิธภัณฑ์จัดแสดงกว่า 90,000 ตารางเมตร เปิดให้เข้าชมคร้ังแรก เมื่อวัน ที่ 9 ก.ย. 2011 คอลเลคชั่นพิพิธภัณฑ์ซุกม่าโมเสกประกอบด้วยกระเบื้องโมเสก2,448 ตารางเมตรจากสมัยโรมันและปลายยุค โบราณ จิตรกรรมฝาผนังกว่า 140 ตารางเมตร ซึ่งประกอบทั้งโบราณวัตถุมากมาย ที่จัดแสดงในสถานที่แห่งนี้ และภาพวาดที่มีชื่อเสียงที่สุดซึ่งนักท่องเที่ยวต่างแวะมาเยี่ยมชม คือภาพโมเสกสาวยิปซีเมื่อสบตาสาวยิปซีเธอจะมองตาเราไปตลอดไม่ว่าเราจะเคลื่อนไหวไปในทิศทางใด ถือว่าเป็นความมหัศจรรย์ทางด้านศิลปะโบราณที่เป็นแบบอย่างให้งานศิลปะสมัยใหม่ นำท่านเดินทางสู่ ย่านตลาดขายสินค้าพื้นเมือง (Gaziantep Buyuksehir Belediyesi และ Copper Bazaar) ตลาดสินค้าพื้นเมืองชื่อโดยเฉพาะที่โดดเด่นคือ ภาชนะต่าง ๆ ที่ทำมาจากดีบุก ทองแดง เครื่องเงิน นำมาแกะสลักลวดลายย้อนยุค “Han” ที่พักแรมของกองคาราวานค้าขายในเส้นทางสายไหมตั้งแต่โบราณสินค้าที่นี่ส่วนใหญ่จะผลิตเพื่อตลาดภายในประเทศ และส่งออกสู่ประเทศที่อยู่ในกลุ่มตะวันออกกลาง อิสระให้ท่านเลือกซื้อสินค้าพื้นเมืองตามอัธยาศัย

บริการอาหารเที่ยง ณ ภัตตาคาร อาหารท้องถิ่น

จากนั้น นำท่านเดินทางสู่ เมืองซานลิอุรฟา (Sanliurfa) (ระยะทาง 176กม ใช้เวลาประมาณ 1.30 ชม) เมืองเก่ากว่า 1,200 ปี ก่อนคริสตกาล เป็นเมืองแรกที่ให้อิสระแก่ประชากรในการเลือกนับถือศาสนา โดยวิหารของแต่ละศาสนาแห่งหนึ่งๆจะถูกแปรเปลี่ยนไปตามการนับถือไปตามยุคสมัย ตั้งแต่ยูดาห์ คริศต์ และเป็นสุเหร่าตามความนับถือของประชากรในปัจจุบันในอดีตเมืองซานลิอุรฟา ถูกปกครองมาหลายอาณาจักร และสุดท้ายปกครองด้วยอาณาจักรไบเซนไทล์(Byzantines) จึงทำให้มีวัฒนธรรมที่หลากหลาย มีสถาปัตยกรรมเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ศาสนาคริสต์และอิสลามถือว่า เมืองซานลิอุรฟา เป็นเมืองสำคัญทางศาสนา เป็นอันดับ 4 รองมาจาก เมกกะ เมดิน่า และเยรูซาเลม ตามบันทึกในคัมภีร์ไบเบิล Bible และกุรอาน Qur'an

นำท่านชม ถ้ำอับราฮัม ตามความเชื่อของชาวมุสลิม กล่าวไว้ว่า ถ้ำแห่งนี้เป็นที่ที่อับราฮัม (นบี อิบรอฮีม) ได้อาศัยอยู่ตั้งแต่แรกเกิดจนถึงอายุ 5 ปี โดยพระเจ้าได้เนรมิตให้น้ำนมที่ใช้ดื่มกินสำหรับเด็กทารกนั้นออกมาจากปลายนิ้วของอับราฮัมเอง เมื่ออับราฮัมเติบใหญ่เป็นบุคคลมีความเฉลียวฉลาดเป็นอย่างมาก และเป็นบุคคลที่เชื่อมั่นในพระองค์อัลเลาะห์ เพียงองค์เดียวเท่านั้น ในยุคนั้นกษัตริย์เนมรุตโกรธแค้นที่อับราฮัมได้เข้ามาทำลายรูปปั้นศักดิ์สิทธิ์กษัตริย์เนมรุตนับถึง จึงได้มีบัญชาให้จับอับราฮัมมาทำการประหารชีวิต โดยการยิงลงมาจากเสาคู่ด้านบนของปราสาทอูร์ฟา ให้ยิงลงมาที่ด้านล่างที่จุดไฟเตรียมไว้สำหรับรอเผาอับราฮัม หวั่งจะให้อับราฮัมเสียชีวิตในกองไฟที่ร้อนแรง แต่พระเจ้าได้เนรมิตให้เปลวไฟที่ลุกโชตช่วงเหล่านั้นได้กลายเป็นน้ำและท่อนฟืนได้กลายเป็นปลา บริเวณนี้จึงกลายเป็นสระน้ำศักดิ์สิทธิ์ เป็นที่อยู่อาศัยของปลาคาร์ป และปลาเทร้า โดยมีความเชื่อกันว่าถ้าใครได้เห็นปลาเผือกในสระน้ำนี้จะได้เป็นผู้ที่ได้ขึ้นสวรรค์ นำท่านชม บ่อปลาศักดิ์สิทธิ์ (The pool of Sacred fish) หนึ่งในแลนด์มาร์คสำคัญ ของเมืองอูร์ฟา..ได้เวลาอันสมควรนำท่านเดินทางสู่ที่พัก

บริการอาหารค่ำ ณ โรงแรม/ภัตตาคาร

เข้าพักโรงแรมระดับห้าดาวมาตรฐานท้องถิ่น ที่พัก ณ DOUBLE TREE BY HILTON (SANLIURFA) หรือเทียบเท่า/คืนที่ 1

บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

นำท่านเดินทางสู่เมือง ฮารร์ราน (Harran) (ระยะทาง 43 กม ใช้เวลาประมาณ 1 ชม) เมืองโบราณที่มี่ความสำคัญด้านประวัติศาสตร์ เป็นดินแดนของแอสซีเรียน เป็นศูนย์กลางการค้าขาย วัฒนธรรมและศาสนา เมืองนี้ได้ถูกบันทึกไว้ในคัมภีร์ไบเบิลว่า เป็นเมืองที่อับราฮัมได้มาอยู่อาศัยและบิดาคือเทราห์ก็ได้เสียชีวิตที่เมืองฮาร์รานแห่งนี้ ก่อนที่เขาจะออกเดินทางสู่ เมืองคานะอัน (Canaan) ดินแดนศักดิ์สิทธิ์และศาสดาทั้งสาม คือ โมเสส เจซัส และ โมฮัมหมัด ก็เคยมาพักอาศัยที่เมืองนี้ด้วย

นำท่านชม บ้านแบบรวงผึ้ง (Beehive Village) ที่ถูกสร้างขึ้นอยู่ท่ามกลางพื้นที่ราบและมีอากาศร้อนจัดในหน้าร้อนหนาว การออกแบบบ้านคล้ายกับรวงผึ้งก็เพื่อเป็นการระบายอากาศ.

จากนั้น นำท่านเดินทางสู่ อาดิยามาน (Adıyaman) เป็นที่ตั้งของภูเขาเนมรุต (Mount Nemrut) (ระยะทาง267กม.ใช้เวลาประมาณ 4.30 ชม.)เป็นเมืองและเขตทางตะวันออกเฉียงใต้ของตุรกี ชาวเมืองส่วนใหญ่เป็นชาวเคิร์ด ก่อตั้งขึ้นในศตวรรษที่ 8 โดย ชาวอาหรับ สายอุมัยยะฮ์ ปกครองต่อเนื่องโดยไบแซนไทน์ , เซลจุคเติร์ก และราชวงศ์เติร์กเมน ดัลกาดีร์ภายหลังจากชาวอาหรับ ดินแดนแห่งนี้ถูกรวมเข้ากับจักรวรรดิออตโตมันเมื่อใกล้สิ้นสุดศตวรรษที่ 14 ภายใต้สาธารณรัฐตุรกี มันถูกเปลี่ยนชื่อAdıyamanในปี 1926

บริการอาหารเที่ยง ณ ภัตตาคาร อาหารท้องถิ่น

นำท่านเดินทางสู่ ณ ภูเขาเนมรุท (Mount Nemrut) เพื่อชมความงามสวยงามของพระอาทิตย์ตก เป็นไฮไลท์ที่สำคัญส่วนหนึ่งของทริปนี้ ให้ท่านเก็บภาพประทับใจไฮไลท์ที่สำคัญส่วนหนึ่งของการเดินทางทริปนี้ ภูเขาเนมรุต เป็นยอดเขาที่สูงที่สุด ของเมืองที่อยู่ติดกัน ภูเขานี้เป็นภูเขาหิน บนจุดชมวิวบนยอดเขามีหินยักษ์มากมาย และเพื่อชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นและตกที่สวยงามของเนมรูท Nemrut เป็นภูเขาไฟที่สงบเงียบในตุรกีตะวันออก ใกล้กับทะเลสาบแวน ภูเขาไฟนี้ตั้งชื่อตามกษัตริย์นิมโรด ผู้ซึ่งปกครองพื้นที่นี้เมื่อประมาณ 2100 ปีก่อนคริสตกาล ความสูง 2,134 เมตร ซึ่งบนยอดเขารายล้อมด้วยรูปป้ันหัวคนมากมาย ซึ่งคาดว่าเป็นสุสานกษัตริย์ ตั้งแต่สมัยราว 100 ปีก่อนคริสตกาล โดยหลักฐานทางประวัติศาสตร์บ่งชี้ว่ากษัตริย์ Antiochus ที่ 1 แห่งอาร์เมเนีย ได้มี คำ สั่งให้สร้างสุสาน ซึ่งประกอบด้วยรูปป้ันจำลองของตน สูงราว8-9 เมตรรูปป้ันสิงโตและนกอินทรีย์เป็นคู่ๆ รวมไปถึงรูปป้ันเทพต่างๆตามตำนานกรีกและอาร์เมเนีย ซึ่งภายหลังถูกทำลายลงจากเหตุการณ์ แผ่นดินไหว ทำให้ส่วนหัวกับส่วนตัวถูกแยกออกจากกันเรียงรายเป็นหย่อมๆล้อมรอบบริเวณภูเขาเนมรุต ภูเขา เนมรุตถูกขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกของประเทศตุรกีโดย UNESCO เมื่อปีค.ศ.1987 นำท่านชม สุสานคาราคูช สุสานของราชินี Isias และเจ้ากาล โดยกษัตริย์คนที่สองแห่งโคมายานา โดยคำว่า Karakus มีความหมายว่า นกสีดำ โดยชื่อนี้ได้มีหญิง Antiochis และ Aka I แห่งโคมายานา สร้างในช่วงปี 30-20 นกอินทรีย์ที่อยู่ด้านบนของเสาและรูปสลักกษัตริย์แห่งโคมายานา นำท่านชม สะพานเซเวอรัน (Severran Bridge/ Cendere Bridge) สร้างประมาณปี ค.ศ.200 เพื่อถวายจักรพรรดิ Septimius Severus เป็นสะพานโรมันที่สร้างด้วยหินทั้งหมด 92 ก้อน ก้อนละประมาณ 10 ตัน เป็นสะพานที่สร้างโดยชาวโรมันที่อาจจะมีขนาดใหญ่เป็นอันดับสอง ยาว 120 เมตร กว้าง 7 เมตร ปัจจุบันยังคงอยู่สมบูรณ์แบบ

นำท่านชม เมืองโบราณอาร์เซเมีย (Archemia)ซึ่งเดิมรู้จักในนามของป้อมปราการ สร้างเพื่อป้องกันไม่ให้ใครเข้ามารุกรานที่อยู่อาศัยภายในอุโมงค์ บริวณนี้เคยได้รับการปกครองจาก อเล็กซานเดอร์มหาราชผู้โด่งดัง กรีฑาทัพจากกรีซผ่านเมืองต่างๆมาเรื่อยๆจนถึงเอเชียกลาง หลังจากพระองค์สิ้นพระชนม์ดินแดนที่พระองค์เคยรวบรวมไว้ก็แตกออกเป็นเมืองต่างๆ แล้วก็ปกครองตนเอง รวมถึงอาณาจักรโคมานายาแห่งนี้ วัฒนธรรมของโคมานายาเป็นอารยธรรมแบบกรีกผสมรวมเข้ากับความเชื่อของคนพื้นเมือง โคมานายาเป็นเอกเทศอยู่ 200 ปี ก่อนจะถูกรวบรวมเข้ากับจักรวรรดิโรมันในเวลาต่อมา

นำท่านเดินทางเข้าที่พัก ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ โรงแรม

HOTEL EUPHRAT NEMRUT หรือเทียบเท่า/คืนที่ 2

บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

จากนั้นนำท่านสู่ เมืองดิยาร์บาคีร์ (ระยะทาง171กม.ใช้เวลาประมาณ 2.30 ชม.)เป็นทางตะออกเฉียงใต้ของประเทศตั้งอยู่ริมแม่น้ำไทกริสเป็นเมืองใหญ่เป็นอันดับสองในภูมิภาคตะวันออกเฉียงใต้ของอนาโตเลีย มีวัฒนธรรมพื้นบ้านที่มีเอกลักษณ์ยังคงเครื่องเงิน ทองแดง บรรยากาศในยุคกลางไว้ได้ครบถ้วนมีสินค้าพื้นเมืองที่ขึ้นชื่อ คือเครื่องประดับ เครื่องปั้นดินเผา ผ้าขนสัตว์ที่สำคัญที่สุด

รับประทานอาหารเที่ยง ณ ภัตตาคาร อาหารท้องถิ่น

นำท่าน ชมกำแพงเมือง ดิยาบาคีร์ (Diyabakir City Wall) ทำด้วยหินบะชอลท์สีดำ มีความยาวประมาณ 5.5 กิโลเมตรซึ่งเป็นกำแพงที่ยาวเป็นอันดับสองของโลกรองจากกำแพงเมืองจีน โดยกำแพงนี้ได้รับการดูแลรักษาเป็นอย่างดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลก กำแพงเมืองนี้สร้างล้อมรอบเขตเมืองเก่าไว้ โดยมีประดู่ทางเข้า 4 ทาง มีหอคอย 82 หอคอย

จากนั้น นำท่านชมสะพานดิเคอ (Dicle) หรือ สะพานสิบโค้ง เป็นสะพานที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ในDiyarbakrเหนือแม่น้ำ Tigris สร้างด้วยหินฎเขาไฟสีดำสะพานมีความยาว 178 เมตร สร้างเสร็จในปี ค.ศ 1065 สมัยก่อนใช้สำหรับสัญจรไปมาระหว่างเมืองปัจจุบันเป็นสถานที่ท่องเหี่ยวที่ขึ้นชื่อของเมืองนี้

จากนั้น เดินทางสู่ เมืองมาร์ดิน (Mardin) (ระยะทาง171กม.ใช้เวลาประมาณ 2.30 ชม.) ตั้งอยู่บนที่ราบเมโสโปเตเมีย เป็นเมืองโบราณและมีสถาปัตยกรรมที่เป็น การสร้างขึ้นด้วยหินที่นำมาวางซ้อนกันตกแต่งอย่างสวยงาม เป็นเมืองที่เก่าแก่ที่สุดบนพื้นที่เมโสโปเตเมียตอนบน การขุดค้นโบราณสถานในเมืองนี้มีขึ้นในปี ค.ศ. 1920 และพบว่าซากเมืองที่เหลืออยู่มีอายุย้อนไปถึง 4,000 ปี ก่อนคริสตกาล อารยธรรมแรกที่พบในพื้นที่นี้ คือ อารยธรรมสุบาเรียน Subarians เมื่อประมาณ 3,000 ปีก่อนคริสตกาลและอารยธรรมอีลาไมต์ เมื่อประมาณ 2,230 ปีก่อนคริสตกาล ตามด้วยบาบิโลเนียน, ฮิตไทต์, อัสซีเรียน, โรมัน และไบแซนไทน์ ในย่านเมืองเก่า มีวิวทิวทัศน์ที่สวยงามมากเมื่อถ่ายภาพจากเมืองเก่าโดยมีวิวทิวเขาอยู่ด้านหลังสวยงามดังภาพวาด

จากนั้นนำ ท่านชม สุเหร่าประจำเมืองมาร์ดิน (Great Mosque of Mardin) ผู้ปกครองของ Artukid Turks โดยโดมและหอสูงยอดแหลมบนเป็นหนึ่งในมัสยิสดเก่าแก่ของเมือง สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 12 โดยสุเหร่าใช้เป็นที่เรียกคนมาสวดมนตร์ แต่เดิมมีสองยอด แต่ได้ถล่มลงมาเมื่อหลายศตวรรษที่ผ่านมา ชมเมืองมาร์ดิน (Mardin) เมืองเก่าราวสวรรค์บนดิน แดนดินแห่งประวัติศาสตร์โลกพาท่านเดินเล่นอิสระให้ถ่ายรูปในเมืองเก่าของเมืองอยู่ภายใต้การคุ้มครองของ UNESCO นำท่านสู่ จุดชมวิวพาโนรามาของเมืองมาร์ดิน ทิวทัศน์ที่สวยงามภูเขาที่อยู่เป็นฉากหลังเสริมให้ภาพสวยงามดังภาพวาด ให้ท่านเก็บภาพประทับใจ

รับประทานอาหารค่ำ ณ โรงแรมที่พัก

ที่พัก RAMADA PLAZA BY WYNDHAM (MARDIN) หรือเทียบเท่า /คืนที่ 3

รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

นำท่านสู่ เมืองดาราหรือดาร์ส Ancient City of Dara,Mesopotamia ดารา (เมโสโปเตเมีย) เป็นเมืองป้อมปราการที่สำคัญของโรมันตะวันออกทางตอนเหนือของเมโสโปเตเมียบนพรมแดนติดกับจักรวรรดิซาสซานิด(เปอร์เซีย)ถือว่ามีความสำคัญของยุทธศาสตร์อย่างยิ่งในความขัดแย้งของชาวโรมัน-เปอร์เชีย ศตวรรษที่ 6 การรบที่มีชื่อเสียงของดาราที่เกิดขึ้น นำชมท่านเมืองโบราณและอ่างเก็บน้ำใต้ดินขนาดใหญ่สร้างขึ้นในยุค ค.ศ 530

จากนั้น สู่ เมืองวาน VAN (ระยะทาง 463 กม.ใช้เวลาประมาณ 6 ชม.) “เมืองวาน” เป็นเมืองที่เคยมีประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวอาร์มีเนีย ตั้งอยู่บนฝั่งตะวันออกของทะเลสาบวาน ปัจจุบันมีประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวเคิร์ด “เมือวาน” มักได้รับการกล่าวถึงในเรื่องอาร์มีเนียตะวันตกและเคอร์ดิสถานตอนเหนือรับฉายาว่า The Pearl of The East เนื่องจากเป็นเมืองที่มีภูมิประเทศทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในตุรกี “ทะเลสาบวาน” เป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในประเทศตุรกีและที่ราบสูงอาร์มีเนียเป็นทะเลสาบน้ำเค็มแบบทะเลสาบโซดา ที่ได้รับน้ำมาจากธารน้ำสายเล็ก ๆ หลายสายที่ไหลลงมาจากภูเขาที่รายล้อมอยู่ ทะเลสาบวานเป็นหนึ่งในทะเลสาบปิดที่ใหญ่ที่สุดในโลก

รับประทานอาหารเที่ยง ณ ภัดตาคาร อาหารท้องถิ่น

นำท่าน นั่งเรือสู่ เกาะอัคดาม่า (Akdamar Island) อยู่ห่างชายฝั่งประมาณ 3 กิโลเมตร ตั้งอยู่ที่ความสูงเหนือระดับน้ำทะเลประมาณ 1,650 เมตร ชมโบสถ์อัคดาม่า (Akdamar Church) ถูกสร้างขึ้นในระหว่างปี ค.ศ. 915-921 ตัวโบสถ์ถูกสร้างด้วยหินทรายสีชมพู เป็นโบสถ์รูปทรงกางเขน ผนังโบสถ์ตกแต่งด้วยภาพสีของเฟรสโก้ (Fresco) มีชื่อของพระเยซูอยู่ทางทิศใต้ของโบสถ์ ด้านหน้าโบสถ์แกะสลักเป็นรูปภาพจากพระคัมภีร์เก่าและใหม่..อิสระให้ท่านเก็บภาพประทับใจ จนได้เวลานัดหมายนำท่านเดินทางทางกลับ สู่ชายฝั่ง

จากนั้นชมป้อมปราการแห่งแวน The Citadel of Van มองเห็นซากปรักหักพังของเมืองเก่าอูราร์ตูอายุ 3,000 ปี เป็นป้อมปราการหินขนาดมหึมาที่เรียกว่า Citadel of Van Citadel of Van สร้างขึ้นระหว่างศตวรรษที่ 9 และ 7 ก่อนคริสต์ศักราช เป็นป้อมปราการหินที่ใหญ่ที่สุดในนั้น สร้างขึ้นจากหินบะซอลต์ (ฐานราก) และอิฐโคลนสำหรับพื้นที่หลักภายในบริเวณใก ล้เคียงกับป้อมปราการคือหอคอย Sardur ซึ่งมีคำจารึกเกี่ยวกับจุดเริ่มต้นของอาณาจักรโบราณ Urartu จารึกนี้เขียนเป็นสามภาษา ได้แก่ ภาษาเปอร์เซียโบราณ ภาษาบาบิโลน และภาษาเอลาไมต์ โดย Xerxes the Great ในศตวรรษที่ 5 ก่อนคริสต์ศักราช ตลอดพันปี คำจารึกได้รอดพ้นจากองค์ประกอบทั้งหมดและอยู่ในสภาพสมบูรณ์..ได้เวลาอันสมควรเข้าสู่ที่พัก

นำท่านชม House of Van Cats หรือ แมวแวน (Van Cat) ซึ่ง เป็นสมบัติเฉพาะของที่เมืองวานเท่านั้น และมีที่เดียวในโลก รัฐบาลทูร์เคียถือเป็นสัตว์สงวน ไม่สามารถนำออกนอกประเทศเพื่อขยายพันธุ์ได้ พวกมันมีขนาดค่อนข้างใหญ่มีสีขาวชอล์ก ขนบางครั้งมีสีแดง ๆ บนศีรษะและส่วนหลังและมีตาสีฟ้าหรือสีเหลืองหรือมีตาแปลก ความหลากหลายนี้ได้รับการกล่าวขวัญว่าเป็น

รับประทานอาหาค่ำ ณ โรงแรมที่พัก

ที่พัก DOUBLE TREE BY HILTON (VAN) หรือเทียบเท่า /คืนที่ 4

รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

นำท่านสู่ เมืองโดกุเบยาซิต (DOGUBEYAZIT) (ระยะทาง 168 กม.ใช้เวลาประมาณ 2ชม.) ตั้งอยู่ทางตะวันออกของประเทศ อยู่ติดกับชายแดนอิหร่าน “เมืองเบยาซิต” ได้ถูกทำลายเสียหายอย่างหนักในสงครามโลกครั้งที่ 1 และสงครามกู้เอกราชทูเคียร์ (ตุรกี) และในปี 1930 มีการสร้างเมืองใหม่ขึ้นมาคือเมือง Dogubeyazit แปลว่า East Beyazit เมืองนี้ถูกโอบด้วยทิวเขา Mt.Ararat พื้นที่ราบส่วนใหญ่ใช้ปลูกหญ้าหรือพืชผลไว้สำหรับเป็นอาหารสัตว์ในฤดูหนาว ผู้คนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ภูเขาจะสร้างบ้านที่ทำมาจากดินเหนียว เพื่อเพิ่มความอบอุ่นในฤดูหนาว นำท่านชม พระราชวังอิชฮาก พาชาร์ (Ishak Palace) เป็นวังที่ซุกตัวอยู่ในหุบเขาสูงเหนือเมืองโดอูเบยาซึต ชัยภูมิของวังเป็นฐานที่มั่นสำคัญ ตั้งอยู่บนเส้นทางกองคาราวานโบราณที่นำความมั่งคั่งมาสู่นคร กลางเมืองเบยาชิตเก่า สร้างในสมัยออตโตมันโดย Colak Abdi Pasha นายพลแห่งกองทัพเตอร์กที่เข้ามาปกครองเบยาซิต ในปี 1685 มีชื่อเสียงที่สุดในยุคนั้น เป็นสิ่งปลูกสร้างขนาดใหญ่แห่งสุดท้ายของอาณาจักรออโตมัน และเป็นตัวอย่างของสถาปัตยกรรมออตโตมันในยุคศตวรรษที่ 18 ที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์แห่งหนึ่ง

รับประทานอาหารเที่ยง ณ ภัตตาคาร อาหารท้องถิ่น

เดินทางสู่ “เมืองการ์ส” (Kars) (ระยะทาง 193 กม.ใช้เวลาประมาณ 2.45 ชม.) “เมืองการ์ส” ผ่านเทือก เขาอารารัต The great Ararat ตั้งอยู่ทางตะวันออกของประเทศตุรกีใกล้กับพรมแดนประเทศอิหร่าน ลักษณะเป็นภูเขาไฟที่มียอดแหลมบนยอดปกคลุมไปด้วยหิมะ มีความสูง5,137 เมตรจากระดับน้ำทะเล ตำนานเรือโนอาห์ แห่งเทือกเขาอารารัต ตำนานเล่าว่าพระผู้เป็นเจ้าของชาวยิวได้ช่วยเหลือโนอาร์ กับสมาชิกในครอบครัวอีก 7 คน และสัตว์ชนิดต่างๆ อย่างละ 1 คู่ จากเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ที่คร่าชีวิตผู้คนและสัตว์ทั้งหลายไปจนหมดโลก โดยบอกให้โนอาร์ต่อเรือยาวขนาด 137 เมตร แล้วนำสัตว์ต่างไว้บนเรือ เมื่อเกิดน้ำท่วม เรือโนอาร์ก็ลอยอยู่บนพื้นผิวน้ำเป็นเวลา 6 เดือนเมื่อน้ำลดเรือโนอาร์ก็ลอยมาติดอยู่บนเทือกเขา Ararat แห่งนี้ทุกคนจึงปลอดภัยจากน้ำท่วมโลกในครั้งนั้น ระหว่างท่านจะได้เห็นความงามของเทือกเขานี้

จากนั้น เดินทางต่อไป..เมืองเอนี (Ani) (ระยะทาง 49 กม.ใช้เวลาประมาณ 40 นาที) เมืองอานี (Ani) บนที่ราบสูงรูป สามเหลี่ยมอันเงียบสงบ หุบเขาที่เป็นพรมแดนธรรมชาติกับอาร์เมเนีย ปัจจุบันตั้งอยูในจังหวัดคาร์ส ประเทศตุรกี ติดกันกับพรมแดนประเทศอาร์มีเนีย

นำท่านชม Ani Site History อดีตเป็นเมืองหลวงของอาณาจักอาร์มาเนียยุคกลาง ปัจจุบันคือประเทศอาร์มาเนีย เมืองเอนิตั้งอยู่อยู่บนพื้นที่สามเหลี่ยมที่มีแม่น้ำ Arpacia อยู่ทางทิศตะวันออก เป็นพรมแดนธรรมชาติระหว่างตุรกีและอาร์มาเนีย ทิศตะวันตกติดกับหมู่บ้าน Tzanghkotzadzor เมืองเอนิได้ถูกขนานนามว่าเป็น City of 1001 Churches เนื่องจากมีวัด โบสถ์ พระราชวัง ป้อมปราการมากมายที่สร้างเรียงรายอยู่บนเส้นทางการค้าโบราณ และเป็นสิ่งปลูกสร้างที่มีความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีและศิลปะสูงสุดของโลกในยุคนั้ น ในกลางปีคริสศตวรรษที่ 18 พวกชนเผ่าเคอร์ดิช (Kurdish) ได้เข้ามาปล้นและฆ่าชาวเมืองจนชาวเมืองต้องอพยพหนีทิ้งให้เมืองเอนิ กลายเป็นเมืองร้างถึง 100 ปี จนกระทั่งนักเดินทางชาวรัสเซียมาพบเมืองนี้และนำไปเขียนลงในหนังสือ จากนั้นมีการกำหนดให้เมืองเอนิแห่งนี้เป็นเมืองท่องเที่ยวแห่งใหม่ ปี 1892 ปัจจุบันได้รับการบันทึกให้เป็นมกรดโลก UNESCO’s World Heritage ในปี 2016...จากนั้นเดินทางสู่ที่พัก เมืองกาสร์

รับประทานอาหารค่ำ ณ โรงแรมที่พัก

ที่พัก KARS – I SIRIN (KARS) หรือเทียบเท่า /คืนที่ 5

รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

นำเดินทางสู่ เมืองเอร์ซูรุม (Erzurum) (ระยะทาง 212 กม.ใช้เวลาประมาณ 3 ชม.) เป็นเมืองในภาคอานาโตเลียตะวันออกในประเทศตุรกี เอร์ซูรุม ที่แปลตรงตัวว่า “ดินแดนของโรมัน”เดิมชาวอาหรับได้ปกครองตนกระทั้งเมืองถูกยึดคืนไปเป็นของจักรวรรดิไบแซนไทน์ในรัชสมัยของจักรพรรดิบาซิลที่ 2 เมื่อชาวอาหรับที่ตั้งถิ่นฐานอยู่ที่นั่นถูกเนรเทศ เมืองนี้ก็เป็นที่รู้จักโดยโรมันและต่อมาไบแซนไทน์ว่า “ธีโอโดซิโอโพลิส” (Theodosiopolis) มาได้ชื่อปัจจุบันหลังจากที่เซลจุคเติร์กยึดเมืองคืนได้ในยุทธการแมนซิเคิร์ท ในปี ค.ศ. 1071 ส่วนหนึ่งของตุรกีจนถึงปัจจุบัน

จากนั้น นำท่านเดินทางสู่ Tortum Waterfall (ระยะทาง 105 กม.ใช้เวลาประมาณ 1.40 ชม.) ถือได้ว่าเป็นน้ำตกที่ใหญ่ติดอันดับโลกและเป็นน้ำตกที่ใหญ่ที่สุดในตุรกีมีความสวยงามตามธรรมชาติ เป็นน้ำตกที่เกิดจากปลายน้ำจากทะเลสาบ Turtum ที่ไหลมารวมกันจากทะเลสาย Totum บริเวณรอบๆน้ำตกเป็นป่าเขาอันสงบเงียบที่เต็มไปด้วยพรรณไม้สุดร่มรื่นหลายชนิด..... อิสระให้ท่านได้พักผ่อนตามอัธยาศัยและเก็บภาพประทับใจ..

รับประทานอาหารเที่ยง ณ ภัตตาคาร อาหารท้องถิ่น

นำท่านชม Erzurum ไข่มุกแห่งตุรกีตะวันออก นำท่านเดินทาง สำรวจเมืองเอร์ซุรุมตามสถานที่สำคัญต่าง ๆ นำท่านชม ยาคูตีเย เมเดรเซ Yakutia Madrasa เป็นอาคารรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ามีลานด้านในล้อมรอบด้วยห้องพักสำหรับนักเรียน มีพอร์ทัลขนาดมหึมาที่ตกแต่งด้วยงานแกะสลักหิน และหอคอยสุเหร่า 1 หลังที่ตกแต่งด้วยรูปทรง ปัจจุบันอาคารแห่งนี้ใช้เป็นพิพิธภัณฑ์ที่อุทิศให้กับชาติพันธุ์วรรณนาและศิลปะตุรกีและอิสลาม

นำท่านชมปราสาทเออร์ซูรุม (Erzurum Castle) ซึ่งอยู่ในอานาโตเลียตะวันออก แม้ว่าปราสาท Erzurum จะสูงเพียงไม่กี่ฟุต แต่ก็มีทิวทัศน์ของภูเขาและทิวทัศน์เมืองที่มองเห็นได้ดีที่สุดโดยTwin Minaret Madrasah เป็นอนุสาวรีย์ทางสถาปัตยกรรมของยุค Seljuk ตอนปลาย สร้างขึ้นเพื่อเป็นโรงเรียนเทววิทยาเมื่อไม่กี่ปีก่อนปี 1265 ใช้ชื่อของว่า Twin Minaret Madrasa จากหอคอยสุเหร่าสองหอที่ประดับยอดด้านหน้าอาคารอันมโหฬาร

นำท่านชม มัสยิดใหญ่แห่งเอร์ซูรุม Erzurum Grand Mosque เป็นมัสยิดเก่าแก่เรียกอีกอย่างว่า "มัสยิด Atabey" เพราะ Saltukids ถูกเรียกว่า "Atabey" มัสยิดแห่งนี้สร้างขึ้นโดย Nasreddin Aslan Mehmed ประมุขแห่ง Saltuk ในปี 1179 CE ซึ่งสอดคล้องกับ 574 AH มัสยิดมีรูปทรงเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าสุดคลาสสิกในยุคเซลจุกก่อนออตโตมัน

รับประทานอาหารค่ำ ณ โรงแรมที่พัก

ที่พัก HILTON GARDEN INN (ERZURUM) หรือเทียบเท่า /คืนที่ 6

รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

จากนั้นนำท่านชม เมืองใต้ดินอายดินเทเป (Aydıntepe) เป็นเมืองใต้ดินโบราณในเขตอายดินเทเป จังหวัดเบย์เบิร์ต ค้นพบโดยบังเอิญในปี 1988 โดย Hasbi Okumuş

บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร อาหารท้องถิ่น

นำท่านเดินทางสู่เมือง อูซันโกล (Uzungol) หมู่บ้านสวยกลางหุบเขา และ Sumela monastery แห่งดินแดนสองทวีป ประเทศตุรกี เป็นเมืองเล็กๆ ที่อยู่ทางตอนใต้ของเมืองทรับซอน ซึ่งมีทะเลสาบที่สวยงามอยู่กลางหุบเขาและตั้งอยู่รอบล้อมไปด้วยเทือกเขาที่เต็มไปด้วยป่าไม้อันเขียวขจีและ มีหมู่บ้านเล็กๆตั้งอยู่รอบทะเลสาบ ส่งผลให้เมืองนี้มีทัศนียภาพอันสวยงามคล้ายกับประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ทะเลสาบแห่งนี้เกิดขึ้นโดนการถล่มของภูเขาซึ่งทำให้ลำธารเปลี่ยนเป็นทะเลสาบอันสวยงาม ปัจจุบันได้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมให้ท่านได้สัมผัสวิถีชีวิตสุดเรียบง่ายของหมู่บ้านเล็กๆ กลางหุบเขา ลิ้มรสกาแฟตุรกีรสเข้ม ชมวิวทะเลสาบที่โอบล้อมไปด้วยเทือกเขาอันสวยงาม อิสระให้ท่านเดินเล่นชมเมืองซื้อของที่ระลึกและสินค้าพื้นเมืองตามอัธยาศัย ได้เวลาอันสมควร นำท่านสู่ที่พัก ให้ท่านพักผ่อนตามอัธยาศัย

บริการอาหารค่ำ ณ โรงแรมที่พัก

ที่พัก DOUBLE TREE BY HILTON (UZULGOL) หรือเทียบเท่า /คืนที่ 7

บริการอาหารเช้าที่โรงแรม

นำท่าน เมืองทรับซอน (Trabzon) เป็นหนึ่งในเมืองประวัติศาสตร์ของตุรกีตั้งแต่ยุคโบราณ เมื่อ 700 ปีก่อนคริสตกาล ตั้งอยู่บนเส้นทางสายไหม เป็นเส้นทางสำคัญสมัยเปอร์เซีย และยังเคยเป็นเมืองหลวงของจักรวรรดิเทรบิซอนด์ (Empire of Terbizond) ที่รุ่งเรืองในช่วงศตวรรษที่ 13 อีกด้วย ปัจจุบันแทรบซอนมีชื่อเสียงในฐานะเมืองท่องเที่ยวที่เงียบสงบ มีสถาปัตยกรรมเก่าแก่มากมาย และมีวิวทิวทัศน์ที่สวยงามเนื่องจากตั้งอยู่ระหว่างเทือกเขากับชายฝั่งทะเลดำ

นำท่านชม Trabzon Hagia Sophia Museum เดิมเป็นโบสถ์ของชาวคริสเตียนสร้างตั้งแต่ศตวรรษที่ 13 ในสมัยจักรวรรดิไบแซนไทน์ ตอ่มาสมัยออตโตมันได้เปลี่ยนมาเป็นสุเหร่านำท่านชม Trabzon Sehir Muzesi เป็นพิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับวิถีชีวิตพื้นบ้านของคนที่อยู่อาศัยแถว Black Sea ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน อิสระให้ชมเมืองและสถาปัตยกรรมบ้านเรือนแบบเก่าแก่ดั้งเดิม

บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร อาหารท้องถิ่น

บ่าย นำท่านสู่จุดชมวิว Boztepe ท่านจะได้เห็นความงามของ Black Sea วิว 360 องศาของเมืองแทรบซอน อิสระให้ท่านเก็บภาพประทับใจ นำท่านสู่ ตลาด Avrupali Pazari (Russian Bazaar) ซึ่งเป็นตลาดท้องถิ่นเล็กๆ มีสินค้าพื้นเมืองมากมายหลากหลาย อิสระให้ท่านเลือกซื้อของได้ตามอัธยาศัย ได้เวลาอันสมควร จากนั้นนำท่านสู่ Varlibas Atapark Shopping Center อิสระให้ท่านช้อปปิ้งตามอัธยาศัยจนได้เวลาอันสมควร นำท่านเดินทางสู่สนามบินแวะถ่ายภาพด้านนอก Trabzon เป็น กรีกออร์โธดอกซ์ อาราม อุทิศตนเพื่อ พระแม่มารี ตั้งอยู่ในหน้าผาสูงชันที่ระดับความสูงประมาณ 1,200 เมตร หันหน้าไปทางหุบเขา Altındereเป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่ยิ่งใหญ่รวมทั้งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญภายใน อุทยานแห่งชาติ Altındere อารามเป็นหนึ่งในสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์และการท่องเที่ยวในแทรบซอน

อิสระอาหารค่ำตามอัธยาศัย เพื่อสะดวกการเชคอิน ในสนานบิน

ออกเดินทางสู่ กรุงอิสตันบูล โดย Turkish Airlines เที่ยวบินที่ TK2835 (ภายในประเทศ)

เดินทางถึง สนามบิน กรุงอิสตันบูล รอต่อเครื่องบินเดินทางกลับกรุงเทพฯ

เดินทางสู่กรุงเทพฯโดยสายการบิน Turkish Airlines เที่ยวบินที่ TK68

เดินทางถึงกรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ ด้วยความประทับใจ